ไปญี่ปุ่น
วันพุธที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557
วันอาทิตย์ที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557
ลองไปดูซูโม่
ถ้าไปญี่ปุ่น ลองไปดูซูโม่ซึ่งเป็นกีฬาประจำชาติของญี่ปุ่นกันดีกว่า นักซูโม่ตัวใหญ่แข่งกันกันดูดุดัน กฏของซูโม่ก็เข้าใจง่ายแม้เริ่มดูเป็นครั้งแรก ใครถูกดันออกนอกวงกลมก่อนถือว่าแพ้ และที่สถานที่จัดซูโม่ มีข้าวกล่องเบนโต ไก่ปิ้งรวมทั้งเหล้าสาเกจำหน่าย สามารถทานอาหารพร้อมทั้งชมการแข่งขันซูโม่แบบสบายๆ ซึ่งนับว่าเป็นความสุขอย่างหนึ่งในการชมซูโม่

สถานที่จัดซูโม่เปลี่ยนไปเรื่อยๆ ทั้งที่โตเกียว โอซาก้า นาโงย่า คิวชู โดยจะจัดแข่งขันทุกเดือนที่เป็นเลขคี่ หนึ่งครั้งใช้เวลา 15 วัน ใครคิดที่จะไปเที่ยวญี่ปุ่นในเดือนที่มีการแข่งซูโม่ ขอแนะนำให้ลองไปดูกัน
ตั๋ว : มีสองแบบ แบบสำหรับ 4 คน และ แบบสำหรับ 1คน
ราคา : แบบสำหรับ 4 คน ราคา 36800 เยน แบบสำหรับ 1คน ราคา 3600 เยน
วิธีการซื้อตั๋ว :ซื้อผ่านอินเตอร์เน็ตหรือบริษัททัวร์ต่างๆ

เว็บไซต์ : สมาคมซูโม่แห่งประเทศญี่ปุ่น
ภาษาญี่ปุ่น :
http://www.sumo.or.jp/index
ภาษาอังกฤษ :
http://www.sumo.or.jp/en/
http://www.jnto.go.jp/eng/indepth/exotic/JapanesQue/1312/sumo.html
สถานที่จัดซูโม่เปลี่ยนไปเรื่อยๆ ทั้งที่โตเกียว โอซาก้า นาโงย่า คิวชู โดยจะจัดแข่งขันทุกเดือนที่เป็นเลขคี่ หนึ่งครั้งใช้เวลา 15 วัน ใครคิดที่จะไปเที่ยวญี่ปุ่นในเดือนที่มีการแข่งซูโม่ ขอแนะนำให้ลองไปดูกัน
ตั๋ว : มีสองแบบ แบบสำหรับ 4 คน และ แบบสำหรับ 1คน
ราคา : แบบสำหรับ 4 คน ราคา 36800 เยน แบบสำหรับ 1คน ราคา 3600 เยน
วิธีการซื้อตั๋ว :ซื้อผ่านอินเตอร์เน็ตหรือบริษัททัวร์ต่างๆ
เว็บไซต์ : สมาคมซูโม่แห่งประเทศญี่ปุ่น
ภาษาญี่ปุ่น :
http://www.sumo.or.jp/index
ภาษาอังกฤษ :
http://www.sumo.or.jp/en/
http://www.jnto.go.jp/eng/indepth/exotic/JapanesQue/1312/sumo.html
วันเสาร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557
จากโอซาก้าไปเกียวโต
เมื่อใครไปเที่ยวในแถบภูมิภาคคันไซแล้วก็สามารถเดินทางจากโอซาก้าไปเกียวโตเกียวโตได้ด้วยเพราะเป็นเมืองที่อยู่ไม่ไกลกัน ส่วนการเดินทางโดยรถไฟนั้นมีสามสี่สายหลักๆ ตั้งแต่ความเร็วสูงใช้เวลาเพียง 15 นาที ด้วยการนั่งชินคันเซ็น JR Tokaido Shinkansen ค่าใช้จ่ายสี่ร้อยกว่าบาทต่อเที่ยว ขึ้นจาก Shin-Osaka Station แล้วไปลงที่ Kyoto Station ซึ่งสถานีที่ชินโอซาก้านั้นสามารถนั่งรถไฟไปมาจาก Osaka Station ประมาณสามนาทีแต่สถานีชินฯ ที่ภายนอกไม่ได้มากไปด้วยแหล่งช้อปปิ้งเหมือนกับสถานีรถไฟโอซาก้ากับแหล่งช้อปปิ้งอย่างมินามิ ส่วนภายในหากใครต้องการหาอาหารรับประทานก็ให้ไปที่ชั้นสองจะมีร้านค้า ร้านอาหาร ส่วนใครที่ถือบัตรเจอาร์ก็ขึ้นได้เลยโดยไม่ต้องซื้อตั๋วอีกแล้ว แน่นอนกับการมุ่งหน้าไปเที่ยวเกียวโตให้ไปที่ชั้นสามสำหรับใครอยากประหยัดเงินในกระเป๋าไม่ว่าคุณกำลังมองหาที่พักโอซาก้าที่ใกล้กับสถานีรถไฟ ที่สถานีรถไฟชินโอซาก้าที่พักจะมีราคาถูกกว่ามาก และข้อดีข้อเสียตามข้างต้นต้องเลือกระหว่างใกล้แหล่งช้อปปิ้งกับราคา แต่บางคนก็ไม่แคร์เลือกราคาถูกเพราะสามารถนั่งรถไฟไปหาแหล่งท่องเที่ยวช้อปปิ้งได้ สำหรับใครที่ต้องการประหยัดเงินค่าตั๋วรถไฟสำหรับการเดินทางจากโอซาก้าไปเกียวโต ด้วยการจ่ายเงินประมาณ 170 บาทฟังแล้วเริ่มน่าสนใจแล้วใช่ไหม ซึ่งใช้เวลาครึ่งชั่วโมงแต่ก็ไม่ได้ช้าอะไรมากมายสำหรับการเดินทางท่องเที่ยวที่ไม่ได้รีบร้อน ให้ใช้รถไฟสายJR Kyoto Line สามารถขึ้นได้ที่ใจกลางเมืองที่่ Osaka Station แต่รถไฟจะมาจอดที่สถานีชินโอซาก้าด้วย จะขึ้นที่ไหนก็ได้
ที่มา http://www.atjapanblog.com/
ที่พักโตเกียวใกล้สถานีรถไฟ
![]() |
| ที่จำหน่ายตั๋วเคเซที่สนามบินนาริตะ |
คลิ๊กที่ชื่อเพื่อดูรีวิวได้เอง เพราะโรงแรมนี้อยู่ใกล้กับสถานีรถไฟทั้งของเคเซและยังเป็นโรงแรมโตเกียวใกล้jr อีกด้วยนั่นเป็นเพราะ Nippori มีรถไฟทั้งหมดสองเจ้า จึงเดินทางสะดวกแน่นอนและแถมยังมีร้านค้า ร้านอาหารหลายร้านให้เลือกทานกัน ใครจะจองต้องจองล่วงหน้าให้ไวหน่อยเพราะที่พักที่นี่เต็มเร็วมากเพราะได้รับความนิยมโดยเฉพาะคนไทยเรานี่เอง และแถมยังราคาไม่แพงเมื่อเทียบกับโรงแรมอื่นๆ
ที่พักโตเกียวใกล้สถานีรถไฟเคเซสกายไลน์เนอร์
เมื่อรถไฟเคเซสกายไลน์เนอร์วิ่งผ่านสถานีนิปโปริไปนั้นก็จะไปจอดสุดสายที่สถานีอุเอโนะ ซึ่งจะติดกับตลาดอะเมโยโกะ รับรองว่ามีสินค้าราคาถูก ร้านอาหารญี่ปุ่นให้เลือกหลากหลาย กับที่พักโตเกียวใกล้สถานีรถไฟนี้ได้คือ Hotel Coco Grand Ueno Shinobazuซึ่งเดินไม่ถึงห้านาทีจากสถานีอุเอโนะซึ่งสถานีนี้ยังเป็นนัดพบของรถไฟหลากหลายสายที่จะใช้เดินทางเที่ยวโตเกียวด้วยตัวเองได้อย่างง่ายๆ และยังอยู่ใกล้กับสถานีอุเอโนะของรถไฟเจอาร์ที่ภายในสถานีก็มีร้านค้า ร้านขายของฝาก ขนมแห้งๆ หรือว่าจะเป็นร้านกาแฟ แต่ขอบอกว่าร้านขายข้าวปั้นที่ JR ueno นั้นน่ากินมากๆ ก็สามารถเช็คอินเข้าพักได้แบบสบายอุราราคาไม่แพงเช่นกัน หากคุณกำลังมองหาที่พักโตเกียวใกล้สถานีรถไฟรับรองว่าทั้งสองที่ไม่ผิดหวังพร้อมด้วยฟรี WIFI ซึ่งหายากในราคาเริ่มต้นคืนละปะมาณสามพันบาทที่จะมีสิ่งอำนวยความสะดวกเพียบ ไม่ว่าจะเป็นของใช้ในห้องน้ำที่มีให้ฟรี ๆ ไม่ว่าจะเป็นสบู่ ยาสระผม ที่สำคํญสำหรับสาวๆ ไม่ต้องห่วงเพราะไม่ไดร์เป่าผมให้ด้วย
ส่วนที่พักที่อยู่อีกด้านหนึ่งของ JR ueno เรียกได้ว่าเป็นโรงแรมโตเกียวใกล้jr แต่จะอยู่คนละด้านกับโรงแรมโคโคโรงแรมต่อไปนี้จะเหมาะกับผู้ที่นั่งรถไฟสายเจอาร์ที่วิ่งจากสนามบินนาริตะเข้าสู่กลางกรุงโตเกียวโดยจะวิ่งมายังสถานีอุเอโนะด้วยอย่างที่พัก Hostel Komatsu Ueno Station
หรือว่าจะเป็นโรงแรม Sutton Place Hotel Ueno
โรงแรมนี้สามารถเดินจากสถานีรถไฟเคเซได้เช่นกันเดินเพียงห้าหกนาทีก็ถึง
ที่มา http://www.atjapanblog.com/
ระบบรถไฟในโตเกียว
หากใครที่จะไปเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเองแล้วให้เมืองหลวงเป็นส่วนหนึ่งในจุดหมายปลายทางย่อมต้องอยากที่จะทำความเข้าใจระบบรถไฟในโตเกียวเพราะนอกจากจะได้ท่องเที่ยวได้แบบถนัดแล้วยังสามารถไปเลือกซื้อของฝากจากญี่ปุ่นไม่ว่าจะเป็นขนม เครื่องสำอางค์ ของที่ระลึกก็จัดไปได้เลย ด้วยความทันสมัยของที่นี่ทำให้มีทั้งรถไฟบนดินและใต้ดิน แถมยังมีชนิดที่วิ่งตรงมาจากสนามบินนาริตะได้อีกด้วยมีทั้งแบบรถไฟความเร็วสูงที่ใช้ชื่อย่อ NEX หรือว่าจะเป็นแบบที่ราคาถูกลงมาหน่อยแต่สะดวกมากๆ กับเคเซสกายไลน์เนอร์ สุดท้ายจะเป็นของค่ายเจอาร์ที่จะมุ่งหน้าเข้าตัวเมือง
คุณเองก็สามารถเลือกดูค้นหาเช็คราคาที่พักในโตเกียวเพียงคลิ๊กที่ Hotels in Tokyoได้เอง
ส่วนรถไฟบนดินค่ายเจอาร์เป็นรถไฟในโตเกียวที่สามารถใช้เดินทางไปตามแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ด้วยเช่นกันพร้อมกับการที่เชื่อมต่อไปยังการเดินทางไปตามต่างจังหวัด ส่วนสายรถไฟในโตเกียวของเจอาร์ที่เราๆ ท่านๆ หากต้องเดินทางเที่ยวเองก็จะหนีไม่พ้น สายที่มีชื่อว่ายามาโนเตะ Yamanote ที่วิ่งวนเป็นลูป เชื่อมต่อการเดินทางในโตเกียวเข้าด้วยกัน ดังนั้นสถานีหลากหลายบนสายรถไฟสายนี้ ที่จะทำให้เราได้เพลิดเพลินไปกับการขึ้นๆ ลงๆ ทั้งการช้อปปิ้งของฝากจากญี่ปุ่น เยื่ยมชมสัญลักษณ์ต่างๆ สัมผัสวัฒนธรรมญี่ปุ่นท่ามกลางความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยีไม่ว่าจะเป็นสถานีชินจูกุ อุเอโนะ ฮาราจุกุ สถานีโยโยกิ สถานีนี้บางคนอาจจะยังนึกไม่ว่ากับสถานที่ท่องเที่ยวถ้าหากออกด้านเหนือของสถานีนี้ก็จะพบกับทางเข้าศาลเจ้าแม่เมจินั่นเอง รวมถึงสถานีโตเกียว Tokyo station
ที่มา http://www.atjapanblog.com/
ระบบรถไฟใต้ดินของกรุงโตเกียว
ระบบรถไฟในโตเกียวใต้ดินนั้นจะนำท่านไปสู่สถานที่ท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดีที่มีทั้งหมดเก้าสายแต่ละสายหากดูในแผนที่ก็จะมีสีสันที่แตกต่างกันออกไป การจะใช้บริการนั้นมีมากกว่าหนึ่งลักษณะ เริ่มแรกแบบปกติ โดยการซื้อตั๋วได้จากเครื่องจำหน่ายตั๋วอัตโนมัติซื้อครั้งต่อครั้งในการขึ้นโดยวิธีการนี้จะต้องทราบก่อนว่าจุดหมายที่เราจะไปนั้นมีค่าใช้จ่ายเท่าไหร่เพราะว่าต้องกดตัวเลขค่าบริการที่ต้องจ่ายก่อนแล้วค่อยหยอดเงินซึ่งแตกต่างจากรถไฟในกรุงเทพที่เลือกจุดหมายสถานีก่อนแล้วเครื่องจะบอกว่าต้องใส่เงินเป็นจำนวนเท่าใด แต่สำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติทางรัฐบาลญี่ปุ่นได้มีการส่งเสริมการท่องเที่ยวทำให้เราสามารถซื้อตั๋วรถไฟใต้ดินได้แบบใช้ 1 ในราคา 600 เยนวันหรือ 2 วันในราคา 980 เยน โดยไม่จำกัดจำนวนครั้งในการขึ้นในราคาที่ถูกกว่าชาวญี่ปุ่นทำให้ตอนซื้อต้องแสดงหนังสือเดินทาง สามารถหาซื้อได้ที่เคาว์เตอร์ เคเซสกายไลน์เนอร์ ได้ตั้งแต่เจ็ดโมงเช้าไปจนถึงสามาทุ่ม และนั่นหมายความว่าคุณสามารถซื้อตั๋วควบคู่ไปกับรถไฟเคเซในราคาพิเศษโดยเฉพาะแบบ Skyliner Round Trip(ไปกลับ) + รถไฟใต้ดินสองวันในราคา 4,880 เยนยังสามารถระบุวันที่จะใช้สกายไลเนอร์ได้ ส่วนแหล่งช้อปปิ้งที่ใช้ในการซื้อของฝากจากญี่ปุ่นที่อยู่ติดกับสถานรถไฟใต้ดินได้แก่ สถานีอุเอโนะกับตลาดอะเมโยโกะออกทางออก5B สถานีGinza แหล่งของแบรนเนมด์ สถานีShibuya Station ออกทางออกหมายเลข 3 ที่ตึกชิบูย่า109 กับเสื่อผ้าเครื่องแต่งกาย สถานีอาซากุสะที่สามารถไปวัดเซนจิและไปโตเกียวสกายทาวเว่อร์คุณเองก็สามารถเลือกดูค้นหาเช็คราคาที่พักในโตเกียวเพียงคลิ๊กที่ Hotels in Tokyoได้เอง
ส่วนรถไฟบนดินค่ายเจอาร์เป็นรถไฟในโตเกียวที่สามารถใช้เดินทางไปตามแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ด้วยเช่นกันพร้อมกับการที่เชื่อมต่อไปยังการเดินทางไปตามต่างจังหวัด ส่วนสายรถไฟในโตเกียวของเจอาร์ที่เราๆ ท่านๆ หากต้องเดินทางเที่ยวเองก็จะหนีไม่พ้น สายที่มีชื่อว่ายามาโนเตะ Yamanote ที่วิ่งวนเป็นลูป เชื่อมต่อการเดินทางในโตเกียวเข้าด้วยกัน ดังนั้นสถานีหลากหลายบนสายรถไฟสายนี้ ที่จะทำให้เราได้เพลิดเพลินไปกับการขึ้นๆ ลงๆ ทั้งการช้อปปิ้งของฝากจากญี่ปุ่น เยื่ยมชมสัญลักษณ์ต่างๆ สัมผัสวัฒนธรรมญี่ปุ่นท่ามกลางความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยีไม่ว่าจะเป็นสถานีชินจูกุ อุเอโนะ ฮาราจุกุ สถานีโยโยกิ สถานีนี้บางคนอาจจะยังนึกไม่ว่ากับสถานที่ท่องเที่ยวถ้าหากออกด้านเหนือของสถานีนี้ก็จะพบกับทางเข้าศาลเจ้าแม่เมจินั่นเอง รวมถึงสถานีโตเกียว Tokyo station
ที่มา http://www.atjapanblog.com/
เที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง
เที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง
เที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง ไม่ใช่เรื่องยาก หาข้อมูลเที่ยวญี่ปุ่นสำหรับการเดินทางที่แสนสบาย พบกับความสนุกสนานในญี่ปุ่นเที่ยวญี่ปุ่นกับคนรู้จริงเจแพลนฮอลิเดย์ รับประกันความประทับใจที่จะทำให้คุณอยากกลับไปเที่ยวญี่ปุ่นอีกครั้งหนึ่ง เลือก เจแพลนฮอลิเดย์ เป็นที่ปรึกษาในการท่องเที่ยวญี่ปุ่นให้กับคุณ เราบริการท่องเที่ยว แตกต่าง จากมาตรฐานเดิม ๆ ของบริษัททัวร์ทั่ว ๆ ไปที่ผลิตรายการตาม ความคิดของเจ้าของ หรือ เจ้าหน้าที่บริษัททัวร์ แต่เจแพลนผลิตรายการจากมุมมองของลูกค้า จากความต้องการของลูกค้าแต่ละกลุ่มที่ มีความต้องการที่แตกต่างกันออกไป ทำให้เหมือนลูกค้าไปเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง ดังนั้น ถ้าคุณคิดจะไปญี่ปุ่นจะต้องไปกับเจแพลน เพราะเจแพลนทาทัวร์ญี่ปุ่นด้วยความชอบ ทาทัวร์ญี่ปุ่นด้วยความชำนาญและทำทัวร์ญี่ปุ่นเพียงอย่างเดียว
เที่ยวญี่ปุ่นไปกับเหล่าดาราชื่อดัง
เต้ย จรินทร์พร จุนเกียรติ เจ้าหญิงแห่งรอยยิ้มที่ทำให้โลกสดใส ไปญี่ปุ่นมามากกว่า 5 ครั้ง จำได้ว่าไปเที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรกก็ประทับใจมากแล้ว อยากไปอีกเรื่อยๆ เป็นประเทศที่ฝันอยากจะไปมานานแล้ว เต้ยชอบประเทศญี่ปุ่นมากเต้ยคิดว่าญี่ปุ่นเป็นประเทศที่หลายๆ คนอยากไปสักครั้ง เป็นประเทศที่เทคโนโลยีเค้าก็แรงมากมีคุณภาพ แฟชั่นต่างๆ ก็ไม่แพ้ประเทศใด ซึ่งญี่ปุ่นเป็นประเทศที่พิถีพิถันในการทำอะไรต่างๆ ก็จะมีของจุ๊กจิ๊กน่ารักๆน้ำชา ชีรณัฐ นักร้องนักแสดงสาวคุณภาพเจ้าของเพลงดัง "รักแท้ ยังไง" ปกติไปเที่ยวญี่ปุ่นบ่อยอยู่แล้ว แต่ส่วนใหญ่จะอยู่ในโตเกียวช็อปปิ้งอย่างเดียว แต่ทริปนี้ได้ไปที่ใหม่ๆ ไปมา 5วัน4คืน ได้ไป 3จังหวัดของญี่ปุ่น ยามานาชิ, ชิซูโอกะ และ คานากาว่า ซึ่งเป็นจังหวัดที่อยู่รอบๆภูเขาไฟฟูจิ ได้เห็นภูเขาไฟฟูจิ แบบระยะใกล้ได้ทำอะไรใหม่ๆ ได้กินอะไรใหม่ๆ ก็ดีนะสนุกดี เช่น การเล่น
สโนว์บอร์ด เป็นครั้งแรกที่ชาได้ลองเล่นชอบมากๆ อยากกลับไปเล่นอีก
เป้ อารักษ์ ศิลปินหนุ่มมาดเซอร์จากวง Slur ผมชอบไปเที่ยวญี่ปุ่นและความเป็นญี่ปุ่นหลายๆอย่างครับ ชอบย่านชิบุย่าชอบ
ชินบจูกุ ชอบสไตล์ของผู้คน ชอบระบบระเบียบของประเทศเขา ชอบอาหาร ชอบวัฒนธรรมที่เขายังอนุรักษ์เอาไว้เป็นอย่างดี หลายๆ ที่ประเทศญี่ปุ่น ผมว่ามันบ้าคลั่งมาก มันสุดขั้วมาก ผมรู้สึกว่าผู้คนที่ญี่ปุ่นเขาเต็มที่สุดๆ เลยนะ ถ้าเป็นพนักงานเขาจะสุภาพกับลูกค้าสุด ๆ ไม่ว่าเราจะไปร้านไหนก็ตาม แล้วเรื่อง แพ๊กเกจของที่นี่ดีมาก ๆ เล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ต้องห่อให้ ผมว่ามันเป็นวัฒนธรรมที่น่ารักดี ต้องยกนิ้วให้
สถานที่ท่องเที่ยวในญี่ปุ่นที่น่าสนใจ
ไม่ว่าคุณจะไปเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง หรือ ไปกับทัวร์ เต้ย อยากแนะนำ สถานที่ท่องเที่ยวในญี่ปุ่นที่น่าสนใจ คือ ต่างจังหวัดของญี่ปุ่นที่เมืองเซ็นได เป็นเมืองที่มีทั้งความเก่าและใหม่ผสมกันอยู่ เต้ยได้ไปชมพิธีเก่าแก่ของวัดหนึ่งเค้าแบบลุยไฟกันทั้งเท้าเปล่าซึ่งดูขลังมาก แล้วยังมีทั้งแหล่งช็อปปิ้งในเมืองเหมือน ๆ กับโตเกียว หรือ จะเป็นที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ มีลานสกีให้เล่น มีออนเซ็นให้แช่ อย่างตอนที่เต้ยไปช่วงนั้นเป็นฤดูเก็บเกี่ยวสตรอเบอร์รี่เต้ยก็ได้ไปเก็บกินจากต้นสด ๆ ลูกใหญ่มาก เซ็นไดเป็นอีกเมืองนึงที่เต้ยชอบมาก ลองไปเที่ยวกันดูนะคะน้ำชา อยากจะชวนทุก ๆ คนลองออกเดินทางไปยัง สถานที่ท่องเที่ยวในญี่ปุ่นที่น่าสนใจ ซึ่งทุกคนจะได้เห็นโลกกว้างขึ้น ถ้าไม่รู้จะไปไหนชาขอแนะนำที่ประเทศญี่ปุ่น อยากให้คนที่ไม่เคยมาลองไปดู ถ้ามาครั้งหนึ่งจะติดใจแน่ๆ ชาว่าทั้งอาหารก็อร่อย คนก็ใจดีมีระเบียบ สถานที่ท่องเที่ยว บ้านเมืองสะอาดมาก น่ารักหมดเลย อาหารก็อร่อยมาก ถ้าคนที่เคยมาแล้วอยู่แค่ในโตเกียว ก็อยากให้มาเที่ยวต่างจังหวัดของญี่ปุ่นดูบ้าง ที่ไกลๆ ที่ไม่ค่อยนิยมเที่ยว ก็จะได้เห็นความสวยงามตามธรรมชาติของประเทศญี่ปุ่นอีกเยอะ จะได้ความเป็นส่วนตัว ความเงียบ ได้พักผ่อนอย่างเต็มที่จริง ๆ
เป้ แนะนำโอซาก้า เพราะเที่ยวในโตเกียวแล้ว มีคนบอกว่าโอซาก้าจะชิลล์กว่า นิสัยคนในเมืองโอซาก้ากับนิสัยคนในเมืองโตเกียวไม่เหมือนกัน ก็อยากจะไปสัมผัสบรรยากาศที่ว่านั้น แต่ที่แน่ๆ ถ้าผมจะไปญี่ปุ่นอีก ผมคงจะไปกับ J-Plan เหมือนเดิมครับ เพราะทุกครั้งที่ไป ก็ประทับใจกับมาทุกที เหมือนไปเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง
โปรแกรมเที่ยวญี่ปุ่น
JAPAN....“LOVE STORY” ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2013เที่ยวญี่ปุ่น ไปกับรายการใหม่ที่ตั้งใจออกแบบมาเพื่อเติมความหวานสำหรับคู่รักในวันวาเลนไทน์ให้คุณและคนรักมีความสุขและความทรงจำที่แสนโรแมนติกตลอดการเดินทาง
JAPAN MINIMUM 03 – 08 เมษายน 2556 (CX)
รายการที่เหมาะสาหรับคนที่เดินทางไปญี่ปุ่นครั้งแรก เพื่อให้ทุกท่านได้สนุกสนานไปกับการ เที่ยวญี่ปุ่น แล้วคุณจะหลงรักญี่ปุ่นมากขึ้น
JAPAN EXPRESS 11 – 16 เมษายน 2556 และ 12 – 17 เมษายน 2556 (SQ)
สำหรับคนที่ยังไม่เคยเดินทางไปเที่ยวญี่ปุ่น และมีเวลาไม่มากนัก รายการไม่ขาด ไม่เกิน เหมาะสำหรับคนเดินทางครั้งแรกอย่างยิ่ง แล้วคุณจะหลงรักญี่ปุ่น
TOKYO ECONOMY 12 – 16 เมษายน 2556 (UA)
สำหรับคนที่ยังไม่เคยเดินทางไปญี่ปุ่นและมีเวลาเที่ยวญี่ปุ่นไม่มากนัก รายการพอดีๆ ไม่ขาดไม่เกิน เหมาะสำหรับคนเดินทางครั้งแรกอย่างยิ่ง แล้วรายการนี้จะทำให้คุณหลงรักญี่ปุ่นเข้าอย่างจัง
JAPAN FAMILY 12- 18 เมษายน 2556 (CX)
รายการท่องเที่ยวญี่ปุ่นสาหรับครอบครัว รายการที่เอาใจคุณหนูๆ สุขหรรษากับสวนสนุกแบบเต็มวัน ในญี่ปุ่น 7 วัน 6 คืน ที่จะทำให้ทุกคนในครอบครัว มีแต่รอยยิ้ม เที่ยวไม่เหนื่อย การบินกลางวัน พร้อมอิ่มอร่อยกับอาหารญี่ปุ่นชั้นยอดทุกมื้อ แล้วปิดเทอมนี้จะเป็นอีกเทอมที่สร้างความสุขสนุกให้กับทุกคนในครอบครัว
วันศุกร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557
10 อันดับสถานที่ท่องเที่ยวในญี่ปุ่น
10 อันดับสถานที่ท่องเที่ยวในญี่ปุ่น ที่ต้องไปเยือน
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
อยู่เมืองไทยในช่วงนี้มันรู้สึกร้อนแสนร้อน หลายคนคงกำลังวางแผนที่จะเดินทางไปเที่ยวหลบร้อนกันหลายประเทศ ซึ่งหนึ่งในตัวเลือกนั้นต้องเป็นดินแดนอาทิตย์อุทัย ต้นกำเนิดดอกซากุระอย่าง"ประเทศญี่ปุ่น" แน่นอน เพราะด้วยอากาศที่เย็นสบาย รวมทั้งวัฒนธรรมที่แตกต่างจากบ้านเรา ทำให้ญี่ปุ่นเป็นอีกแหล่งท่องเที่ยวที่หลายคนคิดอยากจะเดินทางไปเยือน วันนี้กระปุกท่องเที่ยวเลยมาแนะนำ 10 อันดับสถานที่ท่องเที่ยวในญี่ปุ่น ที่เรียกว่าถ้าไปแล้วไม่ได้เที่ยวถือว่าไม่ถึงจ้า ซึ่งสถานที่ท่องเที่ยวจะมีอะไรบ้างนั้น ตามเราเลยจ้า...
พระราชวังอิมพีเรียล แต่เดิมมีชื่อว่า พระราชวังเอะโดะ อีกหนึ่งสถานท่องเที่ยวที่สำคัญแห่งหนึ่งในประวัติศาสตร์ ตั้งอยู่ที่เมืองโตเกียว เพราะเป็นสถานที่ประทับของสมเด็จพระจักรพรรดิแห่งราชวงศ์เมจิ แห่งประเทศญี่ปุ่น เดิมที่นี่เป็นหมู่บ้านประมงเล็กที่ชื่อ เอะโดะ ที่ถูกตั้งเป็นฐานที่มั่น รวมทั้งถูกตั้งเป็นศูนย์กลางของรัฐบาลทหาร ต่อมาได้ขยายเมืองให้ใหญ่ขึ้น จนมีประชากรและพื้นที่เมืองขนาดใหญ่มากขึ้น หลังจากนั้นเข้าสู่ยุคปฏิรูปเมจิ การล้มล้างการปกครองแบบโชกุนลง จักรพรรดิเมจิจึงย้ายเมืองหลวงมาที่เอะโดะ และเปลี่ยนชื่อเมืองเป็นโตเกียวในปัจจุบัน ที่นี่จึงเป็นศูนย์กลางทางการปกครองและวัฒนธรรมของประเทศ และถูกเปลี่ยนให้เป็นพระราชวังในเวลาต่อมา มีชื่อเรียกว่า พระราชวังอิมพิเรียล ในปัจจุบัน
ซึ่งภายในล้อมรอบด้วยคูเมือง ประตูทางเข้าที่งดงาม และป้อมปราการเก่าแก่ตั้งอยู่ห่างกันเป็นช่วง ๆ ทางเข้าหลักอยู่ใกล้กับนิจูบะชิ สะพานสองชั้น และจะเปิดให้คนภายนอกเข้าชมตามวาระพิเศษต่าง ๆ สวนตะวันออกฮิงะชิ ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นที่ตั้งของหอคอยใหญ่ ภายในสวนงดงามไปด้วยดอกไม้หลากหลายพันธุ์ และจะผลิบานตามแต่ฤดูกาล เหมาะสำหรับทุกคนที่ต้องการสถานที่พักผ่อนในอุดมคติ
โตเกียว ทาวเวอร์ หอคอยสื่อสารขนาดใหญ่ที่สวยงามมาก ตั้งอยู่ในเขตมินะโตะ กรุงโตเกียว เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงเพราะใน 1 ปี มีผู้ร่วมเข้าชมถึง 2 ล้าน 5 คน อีกทั้งยังเป็นเหมือนสัญลักษณ์เพื่อแสดงถึงอำนาจและอิทธิพลทางเศรษฐกิจของโลก เป็นที่ถ่ายทอดสัญญาณโทรทัศน์ วิทยุ ซึ่งที่นี่ได้แรงบันดาลใจมาจากหอคอยสูงในปารีส สร้างในสไตล์สถาปัตยกรรมโบราณแบบญี่ปุ่น ทั้งนี้ โตเกียว ทาวเวอร์ จะเปิดทำการตั้งแต่ 09.00-20.00 น. โดยไม่มีวันหยุด ใครที่มาเที่ยวญี่ปุ่นแล้วไม่มาเยือนที่นี่ถือว่ามาไม่ถึงญี่ปุ่นเลย
ชิราคาวาโกะ (Shirakawako) หมู่บ้านท่ามกลางหุบเขา ตั้งอยู่ในจังหวัดกิฟุ ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกแห่งที่ 6 ในประเทศญี่ปุ่น เพราะเป็นหมู่บ้านที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น หลังคามุงด้วยฟางข้าว สร้างขึ้นด้วยมือที่เรียกว่า การสร้างบ้านแบบ กัตโชทสึคุริ (Gassho-zukuri) เป็นบ้านชาวนาโบราณที่มีอายุมากกว่า 250 ปี คำว่า "กัสโช" หมายความว่า พนมมือ ซึ่งเป็นการบ่งบอกถึงลักษณะรูปแบบของบ้านที่มีหลังคามุงด้วยฟางข้าวชันถึง 60 องศา คล้ายสองมือที่พนมเข้าหากัน มุงแบบลาดลงคล้ายหน้าจั่ว เพื่อให้ทนทานต่อหิมะและลมในฤดูหนาว ตัวบ้านมีความยาวประมาณ 18 เมตร และมีความกว้าง 10 เมตร สร้างขึ้นโดยไม่ใช้ตะปู ซึ่งบางแห่งสามารถเข้าพักค้างคืนได้ แถมยังเป็นกิจการที่เปิดภายในครัวเรือนที่เปิดให้นักท่องเที่ยวได้เห็นการใช้ชีวิตแบบดั่งเดิมของชาวญี่ปุ่นอย่างแท้จริง
ภูเขาฟูจิ เป็นภูเขาที่สูงที่สุดในญี่ปุ่นและอาจกล่าวได้ว่าเป็นภูเขาที่สวยที่สุดในโลก มีความสูงถึง 3,776 เมตร ตั้งอยู่ระหว่างจังหวัดยะมะนะชิและชิซุโอะกะ และสามารถมองเห็นได้จากโตเกียวและโยโกฮาม่าในวันที่ท้องฟ้าปลอดโปร่ง วิธีที่จะได้เห็นภูเขาฟูจิที่ง่ายที่สุด คือ นั่งชมจากรถไฟสายโทไกโดที่วิ่งระหว่างเมืองโตเกียวและโอซาก้า ถ้าคุณนั่งชินกันเซ็นจากโตเกียวที่มุ่งหน้าไปยังนาโงย่า เกียวโต และโอซาก้า ช่วงที่จะได้เห็นภูเขาฟูจิ คือ ช่วงสถานีชิน-ฟูจิ หรือประมาณ 40-45 นาที หลังจากออกจากโตเกียว ซึ่งจะมองเห็นได้ทางด้านขวามือของรถไฟ แต่สำหรับผู้ที่อยากชมภูเขาฟูจิอย่างเต็มอิ่ม และแวดล้อมด้วยธรรมชาติที่งดงามขอเชิญที่ ทะเลสาบทั้งห้า (Fuji Five Lake or Fujigoko)หรือที่ ฮะโกะเนะ ซึ่งเป็นรีสอร์ทบ่อน้ำพุร้อนและเป็นหนึ่งใน อุทยานแห่งชาติ Fuji-Hakone-Izu
นอกจากนี้ รอบ ๆ ภูเขาฟูจิเต็มไปด้วยธรรมชาติอันงดงาม และเป็น อุทยานแห่งชาติฟูจิฮะโกะเนะอิซุ มีทะเลสาบ 5 แห่ง ได้แก่ ยะมะนะกะโกะ คะวะงุจิโกะ โมโตสุโกะ โชจิโกะ ไซโกะ และมีออนเซนหลายแห่ง ได้แก่ ยะมะนะกะโกะ คะวะงุจิโกะ โอชิโนะโกะ ฯลฯ นับได้ว่า ภูเขาฟูจิ มีอิทธิพลต่อศิลปวัฒนธรรมของญี่ปุ่นมาตั้งแต่สมัยโบราณ มีชื่อภูเขาปรากฏอยู่ในบทกลอนญี่ปุ่นหรือภาพพิมพ์ญี่ปุ่น และทุกวันนี้ไม่ว่าจะเป็นชื่อบริษัท ชื่อสินค้า และอื่น ๆ อีกมากมาย ล้วนตั้งชื่อว่า ฟูจิ เรียกว่าภูเขาฟูจินี้เป็นหัวใจของญี่ปุ่นก็ว่าได้
ทั้งนี้ ในช่วงเดือนกรกฎาคม-สิงหาคมของทุกปี เป็นช่วงที่ภูเขาฟูจิเปิดอย่างเป็นทางการให้นักท่องเที่ยวได้ขึ้นไปปีน ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ yokosojapan.org
เมื่อมาเที่ยวที่ญี่ปุ่น อีกสิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้ ก็คือ การช้อปปิ้ง ซึ่งที่ญี่ปุ่นก็มีแหล่งช้อปที่หลายหลาย แต่ที่ไม่ควรพลาดเลย คือ ย่านชินจุกุ (Shinjuku) แหล่งท่องเที่ยวทันสมัยฝั่งตะวันตกของโตเกียว นับเป็นแหล่งช้อปปิ้งและสถานบันเทิงยามค่ำคืนยอดนิยมที่มีชื่อเสียง โดยยามกลางวันสามารถแวะชมสวนสาธารณะชินจุกุเกียวเอ็นที่เงียบสงบ, ย่านชิบุยะ (Shibuya) เป็นศูนย์กลางแฟชั่นและวัฒนธรรมสมัยใหม่ของวัยรุ่น ใกล้กับ ศาลเจ้าเมจิ ที่เงียบสงบ ติดต่อกันเป็นแหล่งช้อปปิ้งยอดนิยมและสวรรค์ของคนรุ่นใหม่ คือ ย่านฮาราจูกุ และ ย่านโอไดบะ ที่สร้างขึ้นจากการถมทะเลในอ่าวโตเกียว เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของเหล่านักท่องเที่ยวรุ่นใหม่ เพราะที่นี่มีทั้งแหล่งบันเทิงขนาดใหญ่ ชิงช้าสวรรค์ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ที่เป็นสัญลักษณ์ของเรนโบว์ ทาวน์ ที่เหล่าคู่รักวัยรุ่นนิยมขึ้นชิงช้าชมวิวทิวทัศน์ยามค่ำคืนที่สวยงาม
เมืองโอซาก้า (Osaka) เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดอันดับสามของญี่ปุ่น และเป็นศูนย์รวมทางเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมสำหรับญี่ปุ่นตะวันตก ตั้งอยู่ที่ปากแม่น้ำโยโดะ มีคลองที่เชื่อมโยงกันไปมาภายใต้ถนนหลายเส้น ซึ่งนั่นเป็นปัจจัยสำคัญที่นำความเจริญก้าวหน้ามาสู่เมือง และในฐานะที่เป็นเมืองดั้งเดิมจึงมีความภาคภูมิใจที่ได้เป็นต้นแบบของ ละครหุ่นกระบอกบุนระคุ นอกจากนี้ นักท่องเที่ยวยังไม่ควรพลาดชม อ่าวโอซาก้า ซึ่งเป็นจุดศูนย์กลางความทันสมัยที่สุด และสวนสนุก Universal Studios Japan
แต่ที่พลาดไม่ได้อย่างยิ่ง คือ ปราสาทโอซาก้า ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นปราสาทที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น สร้างขึ้นในปี 1586 โดย โทโยโทมิ ฮิเดโยชิ ปัจจุบันเป็นป้อมปราการสูงห้าชั้น จำลองแบบจากของเดิม เก็บรักษาศิลปวัตถุโบราณหลายชิ้น ทั้งเอกสารที่เกี่ยวข้องกับตระกูลโทโยโทมิและโอซาก้าในอดีต สำหรับแหล่งบันเทิงและย่านช้อปปิ้งที่จะต้องแวะ คือ ย่านอุเมะดะ และ ย่านนัมบะ ที่มีสถานีรถไฟและศูนย์การค้าใต้ดินที่ทันสมัยอยู่จำนวนมาก สำหรับนักจับจ่ายซื้อของและนักชิมอาหาร "คุอุดะโอะเระ" ถนนนักชิมที่มีชื่อเสียงสมคำเล่าลือ ที่ว่าโอซาก้าเป็นเมืองสำหรับนักชิมอย่างแท้จริง อาหารขึ้นชื่อของที่นี่ เช่น ยากินิกุ, ซูชิ และทาโกะยากิ
ปราสาทฮิเมะจิ (Himeji Castle) ตั้งอยู่เมืองฮิเมะจิ เป็นปราสาทที่สวยที่สุดอีกแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น ที่ยังคงรักษาไว้เป็นสมบัติของชาติ และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก พร้อมทั้งได้มีการปิดเพื่อทำการปฏิสังขรณ์เป็นเวลา 5 ปี ตั้งแต่ปี 2009-2014 แต่นักท่องเที่ยวสามารถเข้าชมภายในและชมกระบวนการซ่อมแซมได้อย่างใกล้ชิด
ปราสาทฮิเมะจิ เป็นอีกหนึ่งสถานที่สำคัญเพราะเป็นสิ่งก่อสร้างที่เก่าแก่ ที่เหลือสุดรอดมาจากยุคสงคราม และได้รับการรับรองจากยูเนสโกให้เป็นมรดกโลก เพราะยังคงความเป็นเอกลักษณ์ สถาปัตยกรรม และยุทโธปกรณ์ครบตามแบบของปราสาทญี่ปุ่น ทั้งฐานหินสูง กำแพงสีขาว และอาคารต่าง ๆ ในบริเวณปราสาท ถือได้ว่าเป็นมาตรฐานตามแบบของปราสาทญี่ปุ่น
อีกทั้งรอบ ๆ ปราสาทยังมีเครื่องป้องกันอีกมากมาย เช่น ช่องใส่ปืนใหญ่ รูสำหรับโยนหินออกนอกปราสาท และลักษณะที่เด่นชัดของปราสาทนี้ คือ ทางเดินสู่อาคารหลักซึ่งสลับซับซ้อนราวกับเขาวงกต ทั้งประตูและกำแพงในปราสาทได้รับการออกแบบมาอย่างดีเพื่อป้องกันศัตรูไม่ให้บุกรุกเข้าถึงได้โดยง่าย โดยทางเดินมีลักษณะเป็นวงก้นหอยรอบ ๆ อาคารหลัก และระหว่างทางก็จะพบทางตันอีกมากมาย และจนทุกวันนี้ปราสาทฮิเมะจิก็ยังไม่เคยถูกโจมตีเลย ระบบการป้องกันต่าง ๆ จึงยังไม่เคยถูกใช้งาน
วัดโทไดจิ (Todaiji Temple) วัดพุทธที่สำคัญและเก่าแก่ที่สุดของเมืองนารา ได้ชื่อว่าเป็นสิ่งก่อสร้างด้วยไม้ที่ใหญ่ที่สุดในโลก อีกทั้งยังได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกร่วมกับศาลเจ้าและสถานที่สำคัญของเมืองนาราอีก 7 แห่ง ภายในวัดมี หอไดบุทสึ (Daibutsuden) หรือวิหารไม้ที่ได้ชื่อว่าใหญ่ที่สุดในโลก เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปไดบุทสึหล่อสำริดขนาดใหญ่ สูง 14.98 เมตร น้ำหนักราว 500 ตัน หล่อโดยช่างสมัยเท็มเปียว (729-764)
ฮอกไกโด (Hokkaido) เป็นเกาะใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น ถือเป็นสวรรค์ของธรรมชาติ สามารถท่องเที่ยวได้ตลอดปี มีธรรมชาติที่ยังไม่ถูกทำลาย ทั้งภูเขา ที่ราบสูง แม่น้ำ ทะเลสาบ บ่อน้ำพุร้อน และชายฝั่งทะเล มีอากาศหนาวเย็นในฤดูหนาว มีหิมะที่ขาวละเอียดดุจแป้งฝุ่นและสกีรีสอร์ท ที่ดึงดูดนักเล่นสกีจากทั่วโลก ขณะที่ในฤดูใบไม้ผลิ ซากุระจะบานช้ากว่าภูมิภาคอื่นในญี่ปุ่น สามารถชมซากุระได้ในช่วงต้นเดือนพฤษภาคม ส่วนฤดูร้อนอากาศจะไม่ร้อนเหมือนส่วนอื่น ๆ เพราะมีทุ่งดอกไม้ต่าง ๆ ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง และในฤดูใบไม้ร่วงใบไม้จะเปลี่ยนสีก่อนที่อื่น ๆ ในประเทศญี่ปุ่นเริ่มตั้งแต่กลางเดือนกันยายนจนถึงตุลาคม
โดยมี เมืองซัปโปโร (Sapporo) เป็นเมืองหลวงของฮอกไกโด ซึ่งในซัปโปโรมี สวนสาธารณะโอโดริ ซึ่งเป็นที่จัดแสดงงานเทศกาลหิมะที่มีชื่อเสียง สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกเข้ามาชมงานในเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี นอกจากนี้ ยังมีหอนาฬิกาอันเก่าแก่ และที่ว่าการเมืองฮอกไกโด อีกทั้งย่านร้านค้าซุซุกิโนะ ซึ่งเป็นศูนย์การค้า และแหล่งจับจ่ายซื้อของที่มีชื่อเสียงของเมืองนี้
เมืองฮะโกะดะเตะ (Hakodate) เป็นเมืองท่าชายทะเลที่สำคัญ ที่ตั้งอยู่ทางใต้สุดของฮอกไกโด ในยามเช้าสามารถเที่ยวตลาดสดขายอาหารทะเลสด ๆ ที่มีให้ชิม ยามสายเที่ยวชมโบสถ์ และป้อมปราการโบราณในเมือง ยามเย็นนั่งกระเช้าลอยฟ้าขึ้นไปบนเขาฮะโกะดะเตะ ชมทิวทัศน์ยามราตรีที่สวยงามได้รอบทิศ ด้านเมืองอะซะฮิกะวะ (Asahikawa) ตั้งอยู่ใจกลางเกาะไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของเมืองซัปโปโร ใช้เวลาเดินทางประมาณหนึ่งชั่วโมงครึ่งโดยรถไฟด่วนจากเมืองซัปโปโร และจากเมืองอะซะฮิกะวะไปทางตะวันออกจะมี อุทยานแห่งชาติไดเซะทสุซัง ซึ่งมี บ่อน้ำแร่โซอุนเกียว ให้เพลิดเพลินในฤดูใบไม้เปลี่ยนสี
นอกจากนี้ ฮอกไกโดยังมีธรรมชาติอันสวยงามที่เป็นชายฝั่งทะเลใกล้ เมืองอะบะชิริ (Abashiri) มีธารน้ำแข็งให้ชมในฤดูหนาว และ คาบสมุทรชิเระโตะโกะ (Shiretoko) ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติด้วย อีกทั้งทะเลสาบอะคัง ทะเลสาบมาชูและ ทะเลสาบคุชิโระ และทางตะวันตกของฮอกไกโดมี เมืองโอะตะรุ (Otaru) เป็นเมืองท่าที่เคยเจริญรุ่งเรืองในฐานะเมืองค้าขาย ในช่วงศตวรรษที่ 19-20 รอบ ๆ เมืองจะมีคลองโอะตะรุ เป็นโบราณสถาน แสดงให้เห็นถึงความเจริญรุ่งเรืองในสมัยบุกเบิก มีถนนร้านซูชิที่สดที่สุดในโลกให้ลองลิ้มชิมรส
เมืองฟุระโนะ ตั้งอยู่ใจกลางฮอกไกโดพอดี เป็นที่รู้จักกันในนามทุ่งดอกไม้ที่มีภูเขาล้อมรอบไว้ ทำให้ที่นี่มีความแตกต่างของอากาศในช่วงฤดูหนาวกับฤดูร้อนราว 30 องศา และที่สำคัญที่นี่มีชื่อเสียงในด้านการท่องเที่ยวทั้งในช่วงฤดูร้อนและฤดูหนาว ในหน้าร้อนจะมีสวนดอกไม้ที่สวยงาม โดยเฉพาะที่ ฟาร์มโทมิตะ ซึ่งมีการปลูกลาเวนเดอร์ที่ทั้งสวยงามและกว้างใหญ่ไพศาล รวมทั้งดอกไม้อื่น ๆ โดยที่นี่จะมีนักท่องเที่ยวมากในช่วงปลายเดือนมิถุนายนจนกระทั่งกลางเดือนกันยายน ส่วนในช่วงฤดูหนาวที่นี่จะปกคลุมไปด้วยหิมะหนามาก ทำให้กลายเป็นลานสกีที่มีชื่อเสียง และเปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวได้เพลิดเพลินกับลานสกีในช่วงกลางเดือนธันวาคมถึงกลางเดือนมีนาคมของทุกปี
เรียกได้ว่า 10 อันดับสถานที่ท่องเที่ยวในญี่ปุ่น ที่เรานำมาฝากนี้ จะเป็นทางเลือกที่ดีในการวางแผนเที่ยวญี่ปุ่น เพื่อที่เราจะได้ไม่พลาดแหล่งท่องเที่ยวสำคัญสักที่เลยจ้า
ที่มา http://travel.kapook.com/view62960.html
สมัครสมาชิก:
ความคิดเห็น (Atom)

